บทความที่ได้รับความนิยม

วันอังคารที่ 2 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

5ขั้นในการแก้ไขปัญหาหมดไฟในการวาด

5ขั้นในการแก้ไขปัญหาหมดไฟในการวาด
 วันนี้มาพูดเรื่องปัญหาในการวาดรูปที่หลายๆคนเจอค่ะ คือ เรื่องหมดไฟในการวาดรูป

tribequeen_edit4

เรื่องการหมดไฟในการวาดรูปนั้นเป็นทุกคนค่ะ โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนที่เจอปัญหาในชีวิตส่วนตัวหลายๆอย่าง เช่น ที่บ้านห้ามให้วาดรูป,หรือปัญหาทางใจอย่างเช่น อกหัก ,หรือปัญหาอย่างเช่น เรียนมาไม่ตรงสาย พอจะกลับมาวาดรูปอีกครั้งกลับกลายเป็นว่าไม่มีไฟในการวาดรูป คำว่าไฟนั้นภาษาอังกฤษใช้คำว่า mojo ค่ะ คือแรงบันดาลใจที่เราสามารถจะทำอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ วิธีแก้เรื่องการหมดไฟนั้นทำได้ดังนี้ค่ะ
1.สำรวจต้นตอของการหมดไฟ
ดูก่อนว่า สาเหตุที่เราหมดไฟในการวาดนั้นเป็นเพราะอะไรค่ะ เช่น ที่บ้านห้ามให้วาดรูป เลยหมดไฟที่จะวาด เราต้องแก้ปัญหานั้นๆให้ผ่านไปก่อน อาจจะเลือกที่จะคุยกับทางบ้านดู ว่าสิ่งที่เราจะทำเป็นความสุขเล็กๆน้อยๆในชีวิตของเรา และพยายามทำหน้าที่ด้านอื่นๆเช่นการเรียนให้ดี หรือสาเหตุมาจากสาเหตุอื่นๆเราต้องสำรวจต้นตอของปัญหานั้นๆก่อนค่ะ เหมือนที่ศาสนาพุทธสอนเราว่ามรรคคือการดับทุกข์ การที่เราจะดับทุกข์ได้เราต้องรู้สาเหตุแห่งความทุกข์นั้นๆก่อนค่ะ
2.แก้ปัญหาในชีวิตให้ผ่านไปให้ได้
เมื่อเราเจอสาเหตุของปัญหานั้นๆแล้ว เราต้องแก้ไขปัญหาชีวิตของเราให้ผ่านไปให้ได้ก่อนค่ะ ก่อนที่จะมีไฟในการวาดรูปอีกครั้ง อาทิเช่น การเรียนไม่ตรงสาย อันนี้เราก็ต้องคิดก่อนว่า ไม่จำเป็นที่จะต้องเรียนตรงสาย ถึงจะเป็นนักวาดได้ เพราะการเป็นนักวาด ส่วนมากแล้วดูที่พอร์ทโฟลิโอเป็นหลักค่ะ แล้วก็พยายามฝึกวาดมากๆ ,ส่วนคนที่อกหัก ก็ไม่ต้องเสียใจไปค่ะ โลกนี้มีคนอีกหลายล้านคน ออกไปสนุกกับชีวิตและทำงานอดิเรกที่เราชอบเรารัก ก็ช่วยได้ในระดับหนึ่งค่ะ บางคนอาจจะบอกไม่เกี่ยวกับการวาด แต่เราเห็นมาเยอะค่ะ ที่เลิกกับแฟน แล้ววาดรูปไม่ออกเป็นปีๆ เพราะการวาดรูปเป็นงานที่ต้องใช้จิตใจและแรงบันดาลใจในการวาดค่ะ ถึงจะวาดออกมาได้ เพราะฉะนั้นเราต้องแก้ไขปัญหาจากต้นตอของปัญหาในการหมดไฟในการวาดรูปก่อน เราถึงจะวาดรูปต่อไปได้ สิ่งที่สำคัญเลยคือ ดูแลรักษาสภาพจิตใจของตัวเองให้ดีค่ะ
3.ถ้าเจอ artblock ระยะเวลานานๆจนหมดไฟในการวาด
เหมือนเดิมค่ะ การที่เราเจอ artblock บางทีเป็นเพราะว่าเราเจอปัญหาชีวิตอะไรบางอย่าง ทำให้ส่งผลต่อไอเดียในการวาดรูป ไอเดียตัน วาดอะไรไม่ออก หรือไม่ก็อาจจะเป็นช่วงที่เป็นจุดเปลี่ยนของชีวิตค่ะ เช่น ความชอบของเราเริ่มเปลี่ยนไป ช่วงนี้เราควรสังเกตุตัวเองค่ะ บางคนถึงกับเลิกวาดรูปไปเลยก็มีถ้าเจอ artblock เป็นช่วงระยะเวลานานๆ ช่วงนี้เราไม่ควรฝืนตัวเองค่ะ ถ้าไม่อยากวาดก็ไม่ต้องวาด หาอย่างอื่นที่เราชอบทำ แล้วพออยากจะวาดรูปค่อยกลับมาวาดใหม่ก็ได้ แต่สำหรับคนที่ทำงานเป็นอาชีพนั้น ควรระมัดระวังช่วงเวลาที่เจอ artblock เป็นระยะเวลานานๆค่ะ วิธีแก้ไขคือ เราต้องหาแรงบันดาลใจหรือเหตุผลในการวาดรูปของเราต่อไปค่ะ เราต้องมีเหตุผล ที่อยากเก่งขึ้น และถ้าการวาดเป็น passion ของเรา รับรองว่าเดี๋ยวอาการ artblock ก็จะหายไปในที่สุดค่ะ ดูลิงค์ 5 วิธีในการแก้ artblock ประกอบค่ะ
4.ออกไปเที่ยว
อันนี้เราควรหาเวลาให้กับตัวเองไปเที่ยวต่างจังหวัดหรือเที่ยวต่างประเทศก็ได้ค่ะ ถ้ามีงบประมาณนะ วิธีนี้จะช่วยให้เราเปิดหูเปิดตาไปเจออะไรใหม่ๆที่ทำให้ตาเรากลับมา fresh หรือสดใสอีกครั้งหนึ่งค่ะ ถ้าไปเที่ยวก็ถ่ายรูปมาเยอะๆเพื่อเก็บไว้ใช้ในงานวาดของเราได้อีก ได้ประโยชน์ 2 ต่อ ถ้าขาดแรงบันดาลใจมากๆหรือขาดไฟมากๆ แพ็คกระเป๋า ออกไปเที่ยวทะเล สูดอากาศที่สดชื่น หรือถ้าไม่สามารถไปเที่ยวไกลๆ ก็นัดเพื่อนมาเจอกัน กินข้าว ดื่มกาแฟ สังสรรค์กัน หรือไปทำบุญร่วมกันกับครอบครัว ไปเดินเที่ยวที่ๆไม่เคยไปเดิน ประเทศไทยก็มีที่ให้เที่ยวเยอะแยะมากมายค่ะ ทั้งภูเขา ป่า ทะเล หลากหลายรูปแบบ
5.หาความบันเทิงให้กับชีวิต
ง่ายๆเลยก็เปิด youtube ดูคลิปสนุกๆ,คลิปมิวสิควีดีโอ ออกไปดูหนัง ฟังเพลง ดูละคร ทำอะไรก็ได้ที่ทำให้ชีวิตเราสดชื่น และสนุกสนาน เราจะได้กลับมามีไฟในการสร้างสรรค์งานอีกครั้ง สิ่งที่สำคัญคืออย่าฝืนตัวเองในการวาด ถ้าไม่อยากวาด ควรหยุดพักค่ะ ไม่เช่นนั้น ถ้าฝืนวาดต่อจะกลายเป็นว่าเราอาจจะเกลียดการวาดรูปไปเลยก็ได้ เพราะฉะนั้นควรดูแลร่างกายให้แข็งแรง ดูแลจิตใจตัวเองให้ดีอยู่เสมอ ด้วยการเติมสีสันให้กับขีวิตบ้าง ทำให้ชีวิตสนุกสดชื่น แล้วไฟในการวาดก็จะกลับมาเอง

CD:http://www.illustcourse.com/blog/2013/05/04/5%E0%B8%A7%E0%B8%B4%E0%B8%98%E0%B8%B5%E0%B9%83%E0%B8%99%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B9%81%E0%B8%81%E0%B9%89%E0%B9%84%E0%B8%82%E0%B8%9B%E0%B8%B1%E0%B8%8D%E0%B8%AB%E0%B8%B2%E0%B8%AB%E0%B8%A1%E0%B8%94/

การเลือกซื้อเมาส์ปากกา

เม้าส์ปากกา หรือ Tablet คือ อุปกรณ์ hardware input อย่างหนึ่ง เอาไว้แปลงสัญญาณเข้าเครื่องคอมพิวเตอร์ หน้าตาก็เป็นแบบกระดานฉนวนพร้อมปากกามาหนึ่งแท่ง สามารถเขียนลงใน program graphic ได้อย่างสะดวก มีน้ำหนักราวกับใช้ปากกาเขียนลงบนกระดาษจริงๆเชียว

หน้าตาก็จะประมาณนี้ ปัจจุบัน รุ่นนี้ไม่เห็นแล้วนะคะ จะเป็นกล่องขาวๆ ลายฟ้า-เขียวแทนถ้าไม่เล่น Computer Graphic อุปกรณ์นี้ก็ไม่ค่อยจะมีประโยชน์อะไรนักหรอกค่ะ เว้นแต่บางคนบอกว่า พิมพ์ดีดไม่เป็น อยากได้เอาไว้ใช้เป็น hand writing มากกว่า ก็แล้วแต่ค่ะ
ทำไมต้อง Tablet ?เพราะเราต้องการใช้ CG ไงคะ ? (^^) แม้งาน Handmade จะได้ความรู้สึกและสัมผัสที่ดี แต่ปัจจุบัน CG program หลายตัว ได้พัฒนาจนเข้าไปสู่งานที่ใกล้เคียง Handmade แต่สะดวกสบายมากขึ้นทุกที นึกถึงสมัยนั่งติดสกรีนลงใน manga จะรู้สึกว่า เหมือนเข็นครกขึ้นภูเขา กาวแปะจนถึงหน้าผาก แต่ปัจจุบันมีสกรีนคอมพ์ ง่าย สะดวก หรือต้องการให้ภาพมี image หลายมิติ ก็ทำได้ สมัยก่อน ฉันและเพื่อนถึงกับเคยนั่งกวนปูนพลาสเตอร์เพื่อทำ texture รูปมาแล้ว แต่ถ้าเป็น CG คลิกเดียวก็ได้ Texture แล้ว (แต่ฉันก็ไม่ได้เล่นสักที ^^”)
ถ้าไม่นับเรื่อง Spec Comp แล้ว ถ้า Tablet ห่วย ก็จบ.ปัจจุบัน บ้านเราก็มี Tablet เข้ามาขายหลายยี่ห้อ หลายราคา หลายวัตถุประสงค์ ของถูกและดี ไม่มีในโลก แต่ เราสามารถซื้อของให้คุ้มค่ากับราคาได้ !
ก่อนอื่นเราต้องถามตัวเองว่า เราต้องการ Tablet ไปทำอะไร ?
XP-Pen ลองเล่นกับ Photoshop CS2วาดรูปเล่นๆเป็นงานอดิเรก หรือ นานๆใช้ที  หรือ งบประมาณน้อย หรือ อยากเอามาลองเล่นๆ
แนะนำว่า เอารุ่นถูกไปดีกว่าค่ะ ตอนนี้ในตลาดก็มีอยู่ราวๆ 3 – 4 ยี่ห้อ แต่ละยี่ห้อมีข้อดีข้อเสียอย่างไร อ่าน Link ข้างบนคงจะพอสรุปกันได้บ้าง ?
Genius : ราคาถูกสุด หาซื้อได้ง่ายมากที่สุด แต่ เส้นไล่น้ำหนักไม่ได้ดี มีเส้นประจิ๊ด สัญญาณรบกวนสูง บางทีมีไฟดูด เอามาวาดรูป ตัดเส้น ก็คิดหนักๆ หน่อยนะคะ
Acecad : เส้นไล่น้ำหนักมากมีคนแนะนำมากกว่า Genius แต่.... กินไฟมาก และไฟดูด เล่ากันว่า ต้องไม่ให้เท้าติดพื้นเวลาวาด เพื่อป้องกันไฟดูด ต้องลงแรงมาก แขนกล้ามโตไปหลายราย
- XP Pen : ใช้เอง บอกตรงๆว่า เส้นไล่น้ำหนักได้ ไม่มีไฟดูด ไม่มีสัญญาณรบกวน แต่.....ใช้ตัดเส้นไม่ได้ ไม่ว่าจะฟิวชั่นกับ Tablet ยังไง ฉันคิดว่า เป็นที่หัวปากกามันอ่อนค่ะ เหมือนติดสปริง เวลาตวัดเส้น มันโค้งทุกองศา ขนาดตั้งใจปักลง Tablet แล้ว มันก็ยังอุตส่าห์โค้งให้อีก และ ครบ 2 ปี มีปัญหา สัญญาณรบกวนจากที่ไม่เคยมี ก็มี บางวันต้องปิดพัดลมทำ CG ค่ะ เพราะรู้สึกว่า คุมปากกาไม่ได้เลย  ถ้าคิดว่า ซื้อมาลงสีอย่างเดียว แต่งเส้นนิดหน่อย XP Pen เป็นตัวเลือกที่ดีค่ะ แม้บางเวลาจะมีค้างนิดหน่อย
- D-Note : (บางที่เรียก Death Note ซะแล้ว ^^”) : เจ้าใหม่ที่เพิ่งมาเปิดตัว ตอนที่ไปลองเล่น รู้สึกว่า เล่นง่ายกว่า WACOM Graphire ด้วยซ้ำ คือ สัญญาณดีมาก นิ่ง และตวัดเส้นได้ตามที่ต้องการ ไม่พุ่งทะยานไร้ทิศ คงเพราะหัวปากกาแข็งด้วยค่ะและกระดาน Tablet ไม่ลื่นมาก และเป็นยาง คิดว่า น่าจะหมดปัญหาเรื่องไฟดูด ส่วนระยะยาวนั้น ไม่ทราบค่ะ.... แต่น่าจะ 2 ปีก็คงคุ้มค่าการใช้งานแล้ว
Tablet พวกนี้ ถ้าขนาด 5” x 4” จะตกอยู่ราวๆ 1,500 – 2,500 บาทค่ะ ซื้อมากกว่านี้ก็แพงแล้ว ถ้าเป็นมือใหม่ หรือแค่วาดรูปเป็นงานอดิเรก แนะนำเริ่มต้นที่ 5” x 4” ดีกว่าค่ะ เพราะไม่แพง และเวลาวางกับคีย์บอร์ดแล้วไม่เกะกะและไม่เมื่อยมือด้วย และส่วนใหญ่ Tablet พวกนี้จะกินถ่านขนาด AAA หรือ AA ลองถามชั่วโมงการใช้งานด้วยนะคะ ส่วนใหญ่จะตกอยู่ประมาณ 700 ชม. ถึงเปลี่ยนถ่านทีหนึ่ง จะมีแต่ Acecad ที่จะซดถ่าน AAA มากหน่อย (เห็นบอกว่า มันกินไฟเหมือนขนมขบเคี้ยว) ซื้อถ่านตุนไว้พอสมควรก็ดีอ้อ.... ปัจจุบันมี Tablet ของจีนแดงเหมือนกันค่ะ ราคาถูกบัดซบ ไม่กี่ร้อยบาท ยังไม่ทราบข่าวว่าใครเคยลองใช้แล้ว ประสิทธิภาพเป็นอย่างไรไม่ทราบ ใครไปแม่สาย เชียงรายหรือแถวๆตลาดชายแดนลองมองๆหาดูก็แล้วกันนะคะ
Tablet ส่วนใหญ่จะให้ Software มาปรับระดับ Sensitivity ให้ผู้ใช้ถ้าเงินพอมี ไม่เดือดร้อน ซื้อครั้งเดียวเลิก ก็แนะนำได้ยี่ห้อเดียว WACOM ไปเลยค่ะ  แต่รุ่นไหนดี ?มืออาชีพต้อง Intous ค่ะ แต่เนื่องจากฉันไม่ใช่มืออาชีพ และไม่มีทางเป็น เลย ข้ามไป ไม่ได้สนใจหายรายละเอียด มาดูรุ่นสำหรับมือสมัครเล่น แต่คุณภาพสูงของ WACOM กันดีกว่า

ลองบน Open Canvas ก็ดีนะเห็นๆ กันในตลาดตอนนี้คือ WACOM รุ่น BAMBOO และ GRAPHIRE นะคะ เจ้า Graphire นั้นปัจจุบัน มาถึงรุ่น 4 แล้วค่ะ และทาง WACOM เลิกผลิตไปแล้ว แต่ยังเห็นในบ้านเราวางขายอยู่อีกหลายร้าน (?)  ถ้าในหมู่คนใช้ Graphire ถือว่า รุ่น 3 จะเป็นรุ่นดีที่สุดของ Graphire ค่ะ แต่หาซื้อยากแล้ว นับวันมีแต่จะแพงขึ้น แพงกว่ารุ่น 4 อีก อย่าไปยุ่งเลยค่ะ เพราะฉันกำลังบอกว่า ถ้าจะซื้อ WACOM ซื้อ BAMBOO ไปเลยค่ะ แม้ว่าจะมี review จาก Website ต่างประเทศว่า เป็น WACOM รุ่นครอบจักรวาล กะตีหัวทุกสายงาน ออฟชั่นเพียบ ราคาถูก แต่เป็นเป็ด! (บินสู้นกก็ไม่ได้ ว่ายน้ำก็สู้ปลาไม่ได้ ^^”) แต่สำหรับมือสมัครเล่น แค่นี้ก็เพียงพอเหลือหลายค่ะ
รุ่น BAMBOO ดีกว่า Graphire 4 ตรงไหน ? มี 2 ข้อหลักๆในใจฉันคือ1. รองรับ Window Vista ได้แน่ๆ ซื้อกะใช้ไปชั่วลูกชั่วหลาน ยังไง Vista ก็ต้องจำใจต้องใช้แน่ ควรซื้อ Hardware ที่มี Driver Support Vista นะค้า....
2. ผิวหน้า Tablet ให้ผิดสัมผัสคล้ายกระดาษ บางคนอาจจะไม่ชอบ เพราะว่ามันฝืด แต่สำหรับคนที่เอาไว้ Drawing น่าจะชอบนะคะ (รวมทั้งฉันด้วย)
อ่านจาก review ของ Web ต่างประเทศ เห็นบอกว่ามีปัญหาเรื่องเสียงหึ่งๆ ของ Tablet BAMBOO หรือ ปัญหาตีกันของเม้าส์ แต่คิดว่า น่าจะมีการแก้ไขแล้วนะคะ เพราะ review ที่อ่าน ก็เก่าโคตรตั้งแต่ WACOM เปิดตัว BAMBOO แต่เท่าที่ถามคนใช้ในไทย ก็ไม่เห็นใครบ่นว่ามีปัญหา
ราคา BAMBOO ขนาด 4” x 5” ตอนนี้อยู่ราวๆ 4,200 –5,400.- ค่ะ ถูกแพงกว่านี้แล้วแต่ใครจะหา และแล้วแต่รุ่น ถ้าเป็น WACOM FUN จะแพงกว่าประมาณ 500 - 1,000.- เวลาซื้อดูดีๆค่ะ แต่ถ้าเทียบกับพวก Tablet รุ่นถูกในขนาดเดียวกัน BAMBOO มีพื้นที่ใช้งานมากกว่าค่ะซื้อ Tablet มาแล้ว ก็ลง Driver ให้เรียบร้อย เพราะตัว Software Driver นี่แหละ จะช่วยคุณปรับระดับ Sensitivity ของ Tablet คุณได้ในตอนที่คุณงงๆว่า CG program ของคุณให้ปรับระดับ Sensitivity ของน้ำหนักปากกาของคุณที่ไหนดี ? งงนัก ไปปรับที่ Software ที่ให้มาได้

ปรับให้หนักมือก็ได้ แต่เวลาใช้แทนเม้าส์หนู ระวังต้องจิ้มแรงๆอ้อ.... ก่อนออกจากร้าน อย่าลืมของลอง Tablet ก่อนนะคะว่า ใช้ได้ หรือไม่ได้อย่างไร ? มีปัญหาจะได้เปลี่ยนได้โดยทันที
ส่วนเรื่องการแสดงผล CG นั้น เคยคุยมาได้ความว่า ไม่ควรใช้จอ LCD เพราะสี CG เพี้ยนสูง แต่นั่นก็เมื่อ 2 - 3 ปีก่อน ปัจจุบันไม่ทราบ LCD น่าจะมีพัฒนาการที่ดีขึ้น เหมือนจอ Notebook แต่การที่จะรู้ว่าสีไหนจะเป็นสีที่แท้จริง ส่วนใหญ่อยู่ที่การปรับก่อน Print out ค่ะ มีคนแนะนำว่า ให้ Print out ทดสอบสีดู แต่ถ้าเป็นโรงพิมพ์ การแสดงผลภาพจะดีกว่า และปรับสีได้ดีกว่าค่ะ

ลองบน Painter คุมเส้นได้ง่ายกว่าส่วน Tablet ที่สามารถวาดลงบนตัวกระดานได้เลย โดยใช้กระดาษและปากกาของมันเอง เห็นตอนนี้ D-Note กำลังทำการตลาดอยู่ค่ะ เดี๋ยวพรุ่งนี้จะมาเติมภาพประกอบ เผอิญว่า เมื่อคืนวุ่นวายปัญหาชีวิตของตัวเองมากไปหน่อย เลยลืมแคะเอารูปมาลง blog ด้วย (^^)"
edit อย่างที่มีความเห็นบอก WACOM รุ่น BAMBOO มีแตกออกมา 2 รุ่นย่อย คือ มี Fun กับไม่ Fun แบบ Fun จะแพงกว่าประมาณ 500 - 1000 กว่าบาท แต่มี feature สนับสนุน Drawing ส่วนไม่ Fun ก็ไม่เห็นคนที่ซื้อไปทำ CG บ่นอะไร (หรือจะยังไม่รู้ตัว ? ^^") จะซื้อก็เลือกดูดีๆนะคะวันนี้ยังไม่มีเวลา edit ปลีกย่อย ขอบคุณทุกความเห็นค่ะ ไม่นึกว่าจะมีคนเข้ามาอ่านเยอะขนาดนี้ ไม่อย่างนั้นจะเขียนให้ดีกว่านี้แต่อย่างไรก็ตาม ขอบอกว่าของแบบนี้ "ไม่ลอง ไม่รู้" ค่ะ (^^)***
 ฉันเองตอนนี้ช๊อตอยู่ค่ะ ตั้งใจจะซื้อ แต่เผอิญว่ามือถือดันมาเสียซะแล้ว ทุกวันนี้ใช้อย่างถูไถ คงต้องซื้อมือถือก่อน Tablet (T_T) กำลังกลุ้มๆอยู่ว่า จะซื้อมือถือยังไงดี แบบว่า High tech มาก ก็แพงมาก ซื้อมาก็ใช้ไม่คุ้ม ซื้อมาซะเกือบหมื่น แต่ใช้จริงๆ แต่ 3,000.- เนี่ย มันก็ไม่คุ้ม (เช่น มือถือปัจจุบันของฉัน +__+) จนมันจะพัง ก็ยังมีหลาย option ที่ยังไม่เคยใช้ ก็เลยไม่รู้จะซื้อมือถือ Option เยอะๆ ไปทำด๋อยอะไร ตอนนี้กะเล่นรุ่นถูกแล้วค่ะ โทรออก รับสาย เล่น Net ถ่ายรูป ฟังวิทยุได้ ก็ O.K แล้ว
อีกอย่างช่วงนี้เครียดจัดค่ะ เรื่องปัญหาชีวิตพาลมาถึงปัญหาสุขภาพ เวลาฉันเครียดแล้ว จะต้องเครียดจนถึงที่สุด พอถึงจุดความเครียดอิ่มตัว ก็จะรู้สึกว่า ไม่มีอะไรจะเสียอีกแล้ว อะไรจะเกิดก็ต้องเกิด เมื่อปลงได้แล้ว ก็จะเริ่มรู้สึกดีขึ้น แต่สุขภาพแย่ไปแล้ว นอนไม่หลับ นอนยาก ตื่นยาก ที่แย่สุดๆคือ ปวดเมื่อยเนื้อตัวและสิวขึ้น วันศุกร์ที่ผ่านมา ทำสถิติ New High คือ สิวขึ้น 3 เม็ดในเวลาไม่ถึง 8 ชม. (=__=); พอวันศุกร์กับเสาร์ ความเครียดระเบิดเลยตั้งหน้าตั้งตานอนและตั้งหน้าตั้งตากินค่ะ เลยไม่รู้น้ำหนักพุ่งทะยานไปถึงไหนแล้ว แค่ 3 วันรู้สึกเหมือนกินเผื่อไป 3 เดือน...
***
K. Kisara ที่คุณว่ามา หมายถึงแบบนี้หรือเปล่าคะ ?

เป็น WACOM รุ่น Cintiq ราคาของขนาดเล็กที่สุด ก็ 8 000.-
update เพราะไปดูของจริงมาแล้วค่ะ size เล็กสุด เปิดตัวในไทยเป็น 8,000.- บาทจริงๆ
คำเตือน! เมื่อไม่ใช้ Tablet เป็นเวลานาน จงถอดแบตเตอร์รี่ในตัวเม้าส์ปากกาออกเสีย มิเช่นนั้น อาจจะเกิดปรากฏการณ์แบตเตอร์รี่เน่า ในกรณีแบตเตอร์รี่ไม่ได้คุณภาพ และเม้าส์ปากกาของคุณจะไปไม่กลับ หลับไม่ตื่่น ฟื้นไม่มี หนีไม่พ้น คือ พังจนเอามาใช้อีกไม่ได้ ซื้อใหม่ในกรณีมีอะไหล่ขาย ราคามากกว่าครึ่งหนึ่งของ Tablet ทั้งชุด ! 



CD:http://glinda.exteen.com/20080122/tablet

วันจันทร์ที่ 1 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

อุปกรณ์ดี มีกำลังใจไปกว่าครึ่ง



1.อุปกรณ์ดี มีกำลังใจไปกว่าครึ่ง                   สำหรับอุปกรณ์วาดรูปนั้นใครว่าไม่ใช่เรื่องสำคัญเพราะว่าจากประสพการณ์ตัวเองที่วาด ๆ มา ถ้าใช้ดินสอสีไม่โดนใจหรือรูปทรงไม่ถูกชะตา มันก็ทำให้เราวาดภาพมาได้แย่ โดยวิธีเลือกอุปกรณ์ต่าง ๆ นั้นมีเคล็ดลับดังนี้:-


1.1. ดินสอ ดินสอนั้นเป็นอุปกรณ์หลักสำหรับการวาดรูปในขั้นต้นเลย สำหรับวิธีเลือกดินสอมาใช้สักแท่งนั้นก็ไม่ยาก แต่ให้เรียงลำดับความสำคัญในการเลือกให้ดีโดยให้ลำดับความสำคัญตามนี้

              1.1.0. เลื่อกตามงานที่จะใช้ เช่นถ้าจะวาด Drawing เน้นแรเงา ก็ให้เลือกดินสอถ่านไปเลยเช่น EE แต่หากต้องการวาดรูปสำหรับเขียนแบบหรือวาดงานลายเส้น ก็สามารถใช้ดินสอทั่วไปได้เช่น 2B, HB
             
1.1.1. เลือกความน่ารัก, สีสรร, ความถูกโฉลก (ไม่ขัดศรัทธาถ้าเป็นลาย Barbie)
             
1.1.2. จากนั้นให้เลือกความถนัดมือจ๊ะ ให้เอาน้ำหนักที่เราใช้แล้วสบายมือที่สุด
             
1.1.3. ดูความเหมาะสมของสภาพร่างกายเรากับดินสอ (ข้อนีอธิบายให้ลึก ๆ หน่อยก็คือ บางคนเป็นคนเหงื่อออกที่มือเยอะ เวลาวาด ๆ ไปอาจจะลื่นมือ    ให้เลือกดินสอที่มีด้ามจับแบบพิเศษหรือหาซื้อด้ามจับมาใส่ก็ได้ตามแต่ศรัทธาจ๊ะ ปล.แนะนำว่าให้ทำความสะอาดด้ามจับบ่อย ๆ เวลาใช้งานด้วยนะ เพราะมันจะเลอะกระดาษ)


1.2. ใส้ดินสอ ให้เลือกใช้ใส้ดินสอที่มีคุณภาพหน่อย ถ้าเป็น
             
1.2.1. ดินสอกด ให้เลือกซื้อใส้ที่มีคุณภาพหน่อยอย่างเช่น stedler เป็นต้น
             
1.2.2. ดินสอเปลี่ยนใส้หรือดินสออพอลโล่ ส่วนมากปัญหาของดินสอเปลี่ยนใส้ก็คือใส้มันจะขรุขระบางทีวาด ๆ ไปมันเหมือนกับว่ามีก้อนกรวดมาขูดกระดาษ สำหรับวิธีเลือกให้เลือกดูหัวดินสอที่หัวไม่ดูระยิบระยับ ให้เลือกอันที่ใส้มันสีดำออกทื่อ ๆ โดยส่วนมากถ้าสีทื่อ ๆ ไม่เงาระยิบระยับมักจะไม่ค่อยมีปัญหา
             
1.2.3. ดินสอใส้ถ่าน หรือดินสอที่เราใช้กันทั่ว ๆ ไป ส่วนมากปัญหาที่พบกันบ่อย ๆ ก็คือใส้มันเปราะมาก ๆ ส่วนใหญ่ปัญหาจะเกิดมาจากร้านเครื่องเขียนที่เราซื้อมาเขาเก็บดินสอไว้ไม่ดี สำหรับวิธีเลือกซื้อก็ให้ซื้อแท่งที่ไม่ดูชื้น ๆ หรือดูที่ใส้มันมีรอยหัก/บิ่น อยู่ ให้ซื้อแท่งที่ ปลายแหลม ๆ เอาทิ่มนิ้วตัวเองแล้วไม่มีขลุยถ่านออกมาทันที ( คือกดแล้วหัวมันไม่เละนั่นเอง )



 1.3. ยางลบ สำหรับยางลบนี่ขอแบ่งเป็นระดับ ๆ สำหรบงานวาดจ๊ะ โดยทำความเข้าใจง่าย ๆ ก็คือ ถ้ายางลบที่มีเนื้อแข็งเวลาเราใช้ลบมันก็จะกินกระดาษมาก( ลบไม่กี่ทีกระดาษก็กระจุยแล้ว ) ตรงกันข้ามถ้าเราใช้ยางลบที่มีความนุ่ม มันก็จะกินกระดาษน้อย ( แต่จะใช้เวลาสะกิดงานเยอะหน่อย
              1.3.1. งาน drawing ให้ใช้ยางลบที่มีความแข็งระดับกลาง ( ยกตัวอย่างเช่น stedler ก้อนละ 5 บาท ) เพราะว่า เหตุเพราะว่ายางลบที่แข็งระดับกลางนี่สามารถพลิกแพลงมาใช้ในการ drawing ได้เช่น การตบเพื่อทำน้ำหนังฟุ้ง ๆ หรือ ใช้คัดเตอร์ปาดมุมเพื่อเอาชิ้นเล็ก ๆ มาสะกิดงานให้เป็นลวดลายต่าง ๆ หรือเก็บงานให้เนี้ยบ หรือทำเป็น highlight ต่าง ๆ ก็ได้
              1.3.2. งาน วาดลายเส้น เช่นวาดการ์ตูนหรือวาดแบบต่าง ๆ ก่อนจะตัดเส้นจริง ควรใช้ยางลบที่มีความนุ่ม หรือแข็งน้อย ๆ เนื่องจากงานวาดลายเส้นนั้นเวลาวาดผู้วาดต้องลงเส้นเบา ๆ จึงต้องใช้ยางลบประเภทที่กินกระดาษน้อย ๆ               
              1.3.3 งาน เส้นปากกา  ให้ใช้ ยางลบชนิดแข็งโป๊ก.. ( ไอ้ก้อนที่เราเห็นเขาทำเหลี่ยม ๆ แข็ง ๆ เอามาแอบปาหัวเพื่อนกันบ่อย ๆ นั่นแหละ ) เหมาะสำหรับงานที่ใช้เส้นปากกาหมึกแห้งต่าง ๆ ( มันก็คือปากกาลูกลื่นทั่ว ๆ ไปนะแหละ พวก lancer )


1.4. ไม่บรรทัด สำหรับการเลือกใช้ไม้บรรทัดนั้นก็มีความสำคัญมิใช่น้อย สำหรับวิธีเลือกให้เลือกไม่บรรทัดที่เป็นสีใส ๆ และมองทะลุด้านได้ และเมื่อเอาไม้บรรทัดทาบลงบนกระดาษด้านที่วาด ส่วนยื่นของไม้บรรทัดไม่ควรจะอยู่ติดกับปลายดินสอ ( ตามภาพซ้าย )
เนื่องจากเวลาวาดจะ
เนื่องจากเวลาวาดจะมีขุยถ่านดินสอติดไปกับไม้บรรทัดด้วยทำให้งานเลอะ ในกรณีที่ใช้ปากกาจำพวกหมึกซึมวาด หมึกจะติดที่ไม้บรรทัดตอนทาบ อาจะทำให้งานเสียได้  โดยการเลือกซื้อไม้บรรทัดที่ถูกต้องนั้นควรเป็นดั่งภาพขวา ( จะมีช่องระหว่างดินสอกับไม้บรรทัดอยู่ )   เวลาวาดจะช่วยให้งานสะอาดขึ้นเยอะเลย.


ปล.ถ้ามีไม้บรรทัดอยู่แล้วเวลาวาดก็ให้ กลับเอาด้านที่ยื่นออกมาพลิกไว้ด้านบนตามภาพ


1.5. กระดาษ กระดาษสำหรับวาดปัจจุบันก็มีหลายชนิดด้วยกัน โดยความหนาของกระดาษมีหน่วยเป็นแกรม ซึ่งความหนาที่เหมาะสำหรับผู้ที่ฝึกวาดรูปขั้นต้นก็คือ 80 แกรม เนื้อเรียบ (ถ้าบางกว่านี้เวลาลบกระดาษก็จะขาดง่าย หรือถ้าใช้ปากกาหมึกซึมวาด สีมันก็จะซึมเป็นวงใหญ่ ๆ ไม่ค่อยสวยเท่าที่ควร ) สามารถซื้อ กระดาษถ่ายเอกสารทั่วไปมาใช้งานได้เหมือนกัน เช่นยี่ห้อ AA หรือยี่ห้ออะไรก็ได้ที่ด้านหลังเขียนว่า 80 แกรม
(ยี่ห้อที่เราใช้ก็คืออันนี้ มีขายทั่วไป สามารถซื้อที่ 7-11 ได้เหมือนกัน)          โดยการเลือกใช้กระดาษก็ให้เลือกตามกายภาพตัวเองอีกนั่นแหละ คือถ้าเรามองสีขาว ๆ จ้าๆ (ออกฟ้าหน่อย) ได้นาน ๆ ไม่ปวดตาก็แนะนำ double AA แต่ถ้า ใช้แล้วรู้สึกว่าทรมาณสายตากับการมองลายเส้นที่วาดไปละก็แนะนำให้ใช้ยี่ห้ออื่น (สำคัญที่ว่าด้านหลังต้องระบุเป็น 80 แกรม หรือมากกว่านั้น.

           

            1.5.1 กระดาษสำหรับ งาน Drawing ราคาแผ่นนึงก็ไม่แพงมาก (ส่วนมากอาจารย์จะให้ฟรี) ราคาประมาณ 15 บาท (มั้ง ไม่ได้ซื้อนานแล้ว) เมื่อซื้อมาเราจะได้กระดาษแผ่นใหญ่ ๆ (ขนาด A2) เมื่อตัดครึ่งแล้วจะได้ A3  ซึ่งขนาดสำหรับงาน Drawning ที่เหมาะที่สุดก็คอ A3 เนื่องจากงานประเภท Drawing ต้องการลายละเอียดมาก  ๆ  ยิ่งถ้าต้องการความสมจริงเพื่อลงรายละเอียดเยอะ ๆ ก็ต้องใช้ แผ่นใหญ่ขึ้นไปอีกเช่น A2 แต่สำหรับผู้ที่เริ่มต้นวาดหรือฝึกวาด ขนาด A3 ก็เมื่อยมือแย่แล้ว
สีของกระดาษ สำหรับ Drawing มี 2 สีที่นิยมใช้ คือ
-
- สีน้ำตาลอ่อน เหมาะสำหรับมือใหม่หัดวาด และผู้ที่มีปัญหาทางสายตา เนื่องจากสีของกระดาษจะทำให้ปวดตาน้อยกว่าเวลาเพ่งดูที่งานเวลาวาด
- สีขาว  เหมาะสำหรับ ผู้ที่ต้องการลง Detial งานเยอะ ๆ  เล่นมีความช่ำชองในเรื่องการลงแสง-เงาแล้ว เนื่องจาก เวลาลงงานจำเป็นต้องลงให้เต็มพื้นที่ (ไม่เหมือนสีน้ำตาล ปาดนิดหน่อย ก็เป็นเงาชัดแล้ว) จากประสพการณ์ผู้ที่ไม่เก่งเรื่องแสงเงา เวลามาวาดกับกระดาษสีขาวจะวาดค่อนข้างเพี้ยนเรื่องรูปทรงและแสงเงา

          1.5.2 ขนาดกระดาษ  เราแบ่งขนาดได้คร่าว ๆ ดังนี้

โดยปรกติที่เราเอามาใช้กับการวาดรูปจะมี 3 ขนาดคือA2. คือขนาดที่เอา A1 มาพับครึ่ง สามารถหาซื้อได้ตามร้านเครื่องเขียน (เหมาะสำหรับงาน ดรอว์อิ้ง)
A3. คือขนาดที่เอา A2. มาพับครึ่ง (จะได้ขนาดพอดีกับกระดานวาดรูปที่ขายทั่วไป)
A4. คือขนาดยอดนิยม ที่เอามาใช้วาดได้สารพัด เช่นงานลายเส้น  หรือเอามาวาดการ์ตูน

1.6 กระดาษรองมือ             กระดาษรองมือก็คือกระดาษรองมือนั่นแหละ ประโยชน์หลัก ๆ ก็คือเอาไว้รองมือสำรองมือไม่ให้เหงื่อที่มือโดนกระดาษ ซึ่งจะทำให้งานเลอะได้
แค่นี้ก็เริ่มวาดรูปกันได้แล้ว.....



แค่นี้ก็เริ่มวาดรูปกันได้แล้ว.....


สำหรับรายการต่อไปนี้จะเป็นอุปกรณ์เสริมสำหรับลงหมึกการ์ตูนจ้า...
1.7.ปากกาหมึกซึม สำหรับตัดเส้น

Pigma Micron Pen
               การจะเลือกซื้อปากกาหมึกซึมดี ๆ สักแท่งนั้นสำคัญหลัก ๆ ที่เราต้องมองก่อนเลย คือความสามารถของมัน ว่าสามารถกันน้ำได้ไหม ถัดมาคือตอนซื้อต้องดูด้วยว่า ที่หัวปากกานั้น มันเบี้ยวหรืองอ หรือแตกปลายหรือไม่ ให้ลองเขียนดูด้วยว่าหมึกติดดีหรือเปล่า สำหรับยี่ห้อยอดนิยม ก็คือ pigma (ราคาประมาณ 40-45 บาท แล้วแต่ร้านจะขาย) ซึ่งมีหลายขนาดให้เลือกซื้อด้วยกัน โดยเราขอแบ่งการใช้งานของขนาดต่าง ๆ ไว้ดังนี้

              เบอร์                               หน้าที่                                                                 
               08         สำหรับตีเส้นกรอบ หรือ ใช้ถมเส้นหนา ๆ
                                           
               03          สำหรับวาดรูปเส้นผมเล็ก ๆ ฉาก bg    
                                    
               05         สำหรับวาดเส้นทั่วไป


1.8.หมึกสำหรับถมดำ               สำหรับการเลือกซื้อหมึกก็เช่นกันให้เราดูคุณสมบัติหลัก ๆ ของมันว่ามันกันน้ำ ( waterproof ) หรือไม่โดยยี่ห้อแนะนำก็คือ Camel หรือบอกร้านเครื่องเขียนว่า หมึก อินเดียนอิ้งค์ ก็ได้ (ราคาประมาณ 10 บาท) ราคาไม่ค่อยแพง


1.9. อุปกรณ์สำหรับลบเส้นหมึก                บางครั้งที่เราปาดเส้นเพลิน ๆ จนหมึกเลยขอบก็ต้องใช้ตัวช่วยกันหน่อย  ข้อนี้แนะนำ   Liquid Paper น้ำยาลบคำผิดด้วยความสามารถสูงส่งและง่ายต่อการลบส่วนเกินมากสุดเลยต้องยกให้
         
                สำหรับท่านที่มีสี poster สีขาวก็เอามาใช้แก้ขัดก่อนได้ คือเอาพู่กันจุ่มสีในขวดเลยไม่ต้องผสมอะไร จากนั้นก็ไปปาดทัดส่วนที่เกินออกมาได้ทันที แต่ข้อควรระวังคืออย่าโดนน้ำเท่านั้นเอง








CD:http://writer.dek-d.com/defonx/story/viewlongc.php?id=635502&chapter=1

วันเสาร์ที่ 29 มิถุนายน พ.ศ. 2556

การสร้างตัวละครให้เป็นที่รู้จัก

การสร้างตัวละครให้เป็นที่รู้จัก




เขียนตัวละครการ์ตูนตามความต้องการของตลาด
ปัจจุบันนักวาดการ์ตูนไทยก็ได้รับการว่าจ้างจากสำนักพิมพ์ในประเทศญี่ปุ่นให้เป็นส่วนหนึ่งของทีมงานในการวาดภาพการ์ตูนที่พิมพ์ออกจำหน่าย มีชื่อเสียงแพร่หลายไปทั่วโลกเช่นกัน อย่างเช่น ดราก้อนบอลล์ บริษัทผลิตภาพยนตร์การ์ตูนเพื่อการส่งออก เช่น ฮอลลีวู้ด และ สำนักพิมพ์ทั้งในประเทศและต่างประเทศ ต้องการผู้เขียนการ์ตูนที่นำเสนอการ์ตูนเป็นเรื่องๆ และเป็นแนวตามที่ตลาดต้องการสำหรับเด็กและเยาวชนไทยเป็นจำนวนมาก แต่ผู้มีความสามารถในการเขียนการ์ตูนยังมีจำนวนจำกัด จึงเป็นโอกาสอันดีสำหรับผู้สนใจประกอบอาชีพนี้ จะได้เรียนรู้และฝึกหัดการเขียน เพื่อประกอบอาชีพนี้ต่อไป

อาศัยช่องทางการส่งเสริมการขาย การโฆษณาและการประชาสัมพันธ์
ปัจจุบันนักออกแบบแคแรคเตอร์ดีไซน์ส่วนใหญ่พบว่าการโฆษณาและการประชาสัมพันธ์เข้ามามีอิทธิพลบทบาทกำหนดความอยู่รอด ความนิยมของแอนนิเมชั่นอย่างมาก ยิ่งโฆษณาประชาสัมพันธ์มากเท่าไหร่ มีการตอกย้ำให้กับคนดูมากเท่าไหร่ โอกาสที่แอนนิเมชั่นหรือตัวการ์ตูนนั้นๆ จะเป็นที่รู้จักและเป็นที่ชื่นชอบของผู้ดูก็มีมากขึ้น ขึ้นอยู่กับความถี่และการโฆษณาการตอกย้ำ เมื่อเห็นบ่อยๆ เห็นซ้ำๆ หลายครั้งหลายหนก็จะมีความชอบในตัวละครนั้นๆ หรืออาศัยกลวิธีการโฆษณาการประชาสัมพันธ์ตัวละครเอกอย่างมาเป็นโปรดักส์ต่างๆ ตามลิขสิทธิ์ ด้วยวิธีการที่เรียกว่า ‚ปั้นแบรนด์‛ ทั้งก่อนที่ภาพยนตร์แอนนิมชั่นหรือตัวละครตัวเอก ตัวเด่นนั้นๆ จะออกฉายและหลังจากที่แอนนิเมชั่นหรือตัวละครแอนนิเมชั่นตัวนั้นเป็นที่รู้จักรักใคร่ของผู้ชมผู้ดูไปแล้ว โปรดักส์อื่นๆ ของที่ระลึก หรือการที่ตัวละครนั้นไปปรากฏร่วมกับกิจกรรมการส่งเสริมการขายของสินค้าอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกันก็ล้วนมีผลให้ตัวละครเป็นที่รู้จักได้อย่างแพร่หลายในเวลาอันรวดเร็ว บางครั้งก็อาจไม่จำเป็นต้องสร้างการ์ตูนออกมาก่อนแล้วค่อยขายคาแรคเตอร์ แต่สามารถขายก่อนการ์ตูนจะออกอากาศได้ ซึ่งจะทำให้การทำตลาดง่ายขึ้นด้วย
ตัวละครจะฮิตหรือรู้จัก ไม่รู้จัก ติดตลาดหรือไม่ ไม่ได้ขึ้นอยู่กับการดีไซน์แต่จะขึ้นอยู่ กับเสน่ห์หรือความน่ารัก งี้เง่า ขี้ขลาด ฉลาด ของตัวละครมากกว่ารูปร่างหน้าตาเพราะอย่าลืมว่าตัวละครแอนนิเมชั่นจะได้รับการดีไซน์รูปร่างหน้าตาหรือการสร้างแคแรคเตอร์ให้มีอะไรที่บางอย่างที่โดดเด่นไม่เหมือนกันอยู่แล้ว แต่ละตัวก็มีเสน่ห์ มีนิสัยใจคอที่สร้างความประทับใจได้ ในนิสัยที่น่าเกลียดก็มีความน่ารักเพราะมันคือตัวการ์ตูน อย่างไรก็ต้องน่ารักอยู่ด้วย ซึ่งจะทำให้เกิดผลในการเชื่อมต่อหรือต่อยอดทางความคิดในทางการทำธุรกิจได้และทำให้ตัวละครเป็นที่รู้จักฮอตฮิตได้ เช่น มิกกี้เม้าท์ ที่ว่าคนดูก็ยังชอบและมีการนำเอาตัวละครการ์ตูนนี้มาสร้างผลิตภัณฑ์หลายแบบหลายโอกาส ที่สุดแคแรคเตอร์ตัวนี้ก็จะเป็นที่รู้จักไปเองเมื่อถูกย้ำไปบ่อยๆ
ข้อมูลจากการสัมภาษณ์นักออกแบบแคแรคเตอร์การ์ตูนแอนนิเมชั่น พบว่า มีความคิดเห็นตรงกันว่าการเพิ่มมูลค่าให้กับตัวการ์ตูนหรือการนำตัวการ์ตูนไปต่อยอดทางความคิดด้วยการสร้างสรรค์รูปแบบใหม่ๆ เชื่อมโยงกับผลิตภัณฑ์ เป็นพรีเซ็นเตอร์ให้กับองค์กร หน่วยงาน ฯลฯ ในเชิงธุรกิจจะเป็นการทำให้ตัวละครแอนนิเมชั่นนั้นโด่งดัง เป็นที่รู้จักโดยง่ายในเวลาอันรวดเร็ว เพราะฉะนั้นการต่อยอดตัวละครที่คนดูชอบและจดจำได้จากในหนังภาพยนตร์มาทำเป็นธุรกิจจะอาศัยทั้งความคิดสร้างสรรค์และศิลปะในการออกแบบตัวการ์ตูน ผสมกับเทคโนโลยีการออกแบบผ่านเครื่องคอมพิวเตอร์สมัยใหม่ที่แตกต่างจากกระบวนการในสมัยก่อนๆ ที่ยังไม่มีคอมพิวเตอร์ เพื่อให้ตัวการ์ตูนออกมามีเอกลักษณ์โดดเด่นจน "ขายได้" ในแง่นี้กล่าวได้ว่าแคแรคเตอร์คือมูลค่า ‚แฝง‛ อยู่ในบุคลิกตัวการ์ตูน และบุคลิกของ แบรนด์ที่นำแคแรคเตอร์ไปต่อยอดให้กับธุรกิจอย่างมหาศาลทั้งในเชิงมูลค่า ‚ตัวเงิน‛ และ มูลค่าของ ‚แบรนด์‛ ที่องค์กรหวังจะให้เป็น มิคกี้เมาส์, โดราเอม่อน คือตัวอย่างของตัวการ์ตูนสุดอมตะที่มักถูกนำแคแรคเตอร์ไปแต่งเติมให้กับสินค้าต่างๆ ช่วย "ปั้นแบรนด์" เพิ่มยอดขายให้กับสินค้า และกลายเป็นความเติบโตของธุรกิจแคแรคเตอร์ ซึ่งที่จริงแล้ว ธุรกิจนี้ไม่ใช่แค่การสร้างตัวการ์ตูน แต่เป็นการสร้างคาแรคเตอร์ให้กับตัวการ์ตูน สร้างบุคลิกให้กับแบรนด์สินค้าต่างๆ โดยใช้การ์ตูนเป็นตัวกลางในการสื่อสารถึงภาพลักษณ์แบรนด์ไปยังผู้บริโภค ธุรกิจเช่นนี้ยังอาศัยศาสตร์แห่งการตลาดเข้ามาเกี่ยวข้อง เพราะท้ายที่สุดแล้ว ผลิตภัณฑ์จะขายได้ หรือสร้างมูลค่าได้ก็ล้วนแต่จำเป็นต้องใช้วิชาการตลาดที่ดีของผู้ผลิต และเจ้าของด้วยในเวลาเดียวกัน

ลักษณะตัวการ์ตูนที่แตกต่างกันไปตามบุคลิกลักษณะจะอยู่ในผลิตภัณฑ์ต่างๆ ได้อย่างไร ตัวการ์ตูนหนึ่งตัวจะมีลักษณะท่าทาง หรือการออกแบบมากมายนับร้อยแบบ บริษัทสามารถขายลิขสิทธิ์ตัวการ์ตูนแยกตามหมวดสินค้า เช่น ขายให้หมวดขนมขบเคี้ยว ประดับยนต์ หรือเครื่องเขียน เป็นต้น ทำให้บริษัทสามารถขายลิขสิทธิ์ตัวเดียวกันได้หลายครั้งแยกตามหมวดสินค้านั่นเอง ขณะเดียวกันเจ้าของลิขสิทธิ์ยังได้รับส่วนแบ่งจากการขายสินค้า หรือ royalty ที่เลือกใช้ลิขสิทธิ์ตัวการ์ตูนดังกล่าวได้ตามข้อตกลงเบื้องต้นอีกด้วย แม้ตัวการ์ตูนจะเป็นเรื่องที่คนทั่วไปเห็นกันจนชินตา แต่ความสำเร็จและที่มาของตัวการ์ตูนเหล่านั้นก็แตกต่างกันออกไป บางตัวเลือกที่จะเกิดจากเรื่องราวก่อน เป็นทั้งภาพเคลื่อนไหวหรือบรรจุลงในหนังสือ การ์ตูน ก่อนถูกเจ้าของขายลิขสิทธิ์ให้กับปรากฏบนผลิตภัณฑ์มากมาย หรือบางรายเลือกที่จะเกิดจากการเป็นตัวการ์ตูนปกติที่ขายลิขสิทธิ์ให้กับผู้ผลิตสินค้า และพัฒนาไปเป็นเรื่องราวในท้ายที่สุด สำหรับ @Club Design แล้วเราเลือกวิธีการหลัง คือเลือกที่จะเป็นตัวการ์ตูนและพยายามพัฒนาให้เกิดเรื่องราวและภาพแอนนิเมชั่น โดยปกติทางบริษัทเร่งมือในการพัฒนาภาพแอนนิเมชั่นจากตัวการ์ตูนที่มีอยู่ ให้เป็นเรื่องราวสำหรับมิวสิกวิดีโอเพลง และเกมคอมพิวเตอร์ ซึ่งผมก็หวังว่าการพัฒนาดังกล่าว จะกลายเป็นช่องทางใหม่ในการขายลิขสิทธิ์ตัวการ์ตูนของบริษัท เพิ่มเติมจากแค่ขายลิขสิทธิ์ให้กับบริษัทผู้ผลิตสินค้าอื่นๆ เพียงอย่างเดียว การออกแบบการ์ตูนนั้นจะเป็นธุรกิจที่ทำรายได้ในระยะยาวในอนาคต เพราะรูปแบบการขายลิขสิทธิ์การ์ตูนได้ผลในขณะเดียวกันการพัฒนาตัวการ์ตูน เพิ่มขึ้นในไลน์การผลิตก็เพิ่มโอกาสให้กับบริษัทได้อย่างต่อเนื่องเช่นกัน การใช้การ์ตูนเป็นพรีเซ็นเตอร์ทางการตลาดทำกันมานานแล้ว แต่ส่วนใหญ่ที่เห็นๆ กันจะเป็นตัวการ์ตูนที่ดังมาก่อน เช่นในระดับโลกก็เป็นมิกกี้เม้าส์ ในไทยก็มีแอนนิเมชั่นเรื่อง ปังปอนด์ แต่การสร้างตัวการ์ตูนขึ้นมาใหม่โดยเฉพาะนั้นก็พอมีแต่ยังเป็นส่วนน้อยอยู่ อุปสรรคเท่าที่น่าจะพอคาดเดาได้ก็คืออนาคตของวิชาชีพนักเขียนการ์ตูนในไทยนั้นการ์ตูนสิ่งพิมพ์นั้นค่อนข้างอิ่มตัวแล้ว และผู้จะทำอาชีพนี้ก็คงต้องเพราะใจรักเป็นหลัก เพราะความเติบโตก้าวหน้ายังค่อนข้างจำกัดอยู่ ส่วนการ์ตูนสำหรับแอนนิเมชั่นถือว่าค่อนข้างสดใส กำลังโต และมีอนาคตไม่ว่าจะมองด้านวิชาชีพหรือด้านธุรกิจ
ขณะเดียวกันในทัศนะของผู้ให้สัมภาษณ์รายหนึ่งกล่าวตั้งข้อสังเกตไว้อย่างน่าสนใจกรณีที่จะทำอย่างไรให้ตัวละครเป็นที่รู้จัก คือ
1. ดูแล้วไม่มีเชื้อชาติ
2. ดูแล้วไม่มีพิษมีภัย
3. ดูแล้วเข้าใจ เพราะเขาเป็นมิตร
‚ เช่นแคแรคเตอร์มิกกี้เม้าท์เพราะอะไรคนทั่วโลกถึงรักและเอ็นดูและเป็นตัวการ์ตูนยอดฮิตอมตะเพราะมันเป็นสัตว์ ไม่ดุร้าย มีรูปร่างที่ได้รับการออกแบบด้วยเส้นวงกลม ไม่ใช้เส้นสามเหลี่ยม เหลี่ยม ไม่มีแหลมที่จะให้ความรู้สึกไปทิ่มแทงจิตใจคนดู ไม่ทิ่งแทงตาคนดูคนชม เส้นกลมๆ ให้ความรู้สึกที่อ่อนโยนอบอุ่น ผมว่าสามารถเคาะได้เลยนะว่าถ้าจะให้ดีแคแรคเตอร์นั้นไม่ควรจะเป็นคน แต่ควรจะเป็นสัตว์ จะทำให้ตัวละครเป็นที่รู้จักและเกิดการยอมรับได้ง่ายกว่าตัวละครที่เป็นคน เพราะคนมีข้อจำกัด เดี๋ยวเป็นคนชาตินั้นไม่เป็นชาตินี้ คือมันจะมีเรื่องของเชื้อชาติ ศาสนา เข้ามาเกี่ยวข้องโดยตลอด มีเรื่องของสีผิว ดำ ขาว เดี๋ยวก็เป็นเรื่องความขัดแย้งทางเชื้อชาติ ศาสนา ได้อีก แต่สัตว์ไม่มี เพราะอย่างนั้นสังเกตสิว่าตัวละครของวอลล์ดิสนีย์ที่มีมาตั้งแต่เรื่องแรก ๆด้วยซ้ำมักจะเป็นสัตว์‛ (สัมภาษณ์.ทวีศักดิ์ วิริยะวรานนท์)
ตัวละครมีบุคลิกลักษณะเฉพาะโดดเด่น แปลก
การสร้างบุคลิกลักษณะ รูปร่างหน้าตาของตัวละครให้มีความแตกต่างพิเศษ โดดเด่น แปลกประหลาดอย่างชัดเจนจะมีผลต่อการทำให้ตัวละครเป็นที่รู้จัก ฮิตได้ เช่น การมีรูปร่างไม่สมประกอบ ไม่ถูกสัดส่วนตามธรรมชาติคนและสัตว์จริงๆ ไม่ตัวโตสูงใหญ่ไปเลยก็ผอมบางแคระแกรน หรือตัวเล็กจิ๋วกว่าใครเพื่อน  แต่เมื่อทุกตัวมาอยู่รวมกันในเรื่องๆ หนึ่งก็จะมีสัดส่วนที่ลงตัวและมีผลต่อการทำสิ่งใดสิ่งหนึ่งด้วยกัน นึกถึงหนูตัวเล็กๆ ทีช่วยกัดเชือกให้เจ้าป่าตัวโตอย่างสิงโต หรือเป็นตัวละครพิลึกพิลั่น เช่น หัวอยู่แทนเท้า เท้าอยู่แทนที่หัว เอามือเดิน เป็นสัตว์บินได้ทั้งที่ในความเป็นจริงบินไม่ได้ เหาะเหินเดินอากาศไม่ได้ เป็นต้น
แรงบันดาลใจในการสร้างตัวละคร
ไอเดีย ( Idea ) หรือบางคนอาจใช้คำว่า แรงบันดาลใจ ( Inspiration ) ซึ่งจะเป็นสิ่งแรกที่สร้างสรรค์จากจินตนาการและความคิดของตนเองว่าผู้ชมควรเป็นใคร อะไรที่ตนเองต้องการ

ให้ผู้ชมทราบภายหลังจากที่ชมไปแล้วควรให้เรื่องที่สร้างออกมาเป็นสไตล์ไหน ซึ่งอาจจะมาจากประสบการณ์ที่ได้อ่านได้พบเห็น และสิ่งต่างๆ รอบตัว เป็นต้น
ในกระบวนการสร้างสรรค์ดีไซน์ตัวละครการ์ตูนแอนนิเมชั่นคือนอกจากจะต้องทำสิ่งที่ไม่มีชีวิตให้เหมือนมีชีวิต เคลื่อนไหวได้เหมือนคนเหมือนสัตว์ ทุกอย่างเป็นแอนนิเมชั่นได้ เมื่อตัวละครที่ได้มาซึ่งอาจมาจากจินตนาการหรือจากคน สัตว์ วัตถุ สิ่งของที่อยู่รอบตัว เป็นแรงบันดาลใจให้ได้เราก็จะต้องทำให้มีพัฒนาการได้ คือสามารถเอาไปต่อยอดได้ ทุกวันนี้ในการวางแคแรคเตอร์ของตัวละครนี่จะคิดไว้แล้วว่าจะมีประโยชน์ในทางการค้าการธุรกิจได้แค่ไหน คือตัวละครจะเป็นพรีเซ็นเตอร์สินค้าก่อนที่หนังจะออกเสียด้วยซ้ำเรียกว่าเป็นเสน่ห์ของตัวละคร
อย่างไรก็ตาม นักออกแบบตัวละครแอนนิเมชั่นมักกล่าวเป็นเสียงเดียวกันว่า แรงบันดาลใจในการสร้างตัวละครสำหรับพวกเขาแล้วมันมาจากทุกที่ ทุกเวลา ทุกสิ่งแวดล้อม ทุกสิ่งทุกอย่าง ที่อยู่รายรอบตัวของพวกเขา ในขณะที่เป็นโอกาสน้อยที่แรงบันดาลใจจะเกิดจากการคิดขึ้นได้เอง หรือ จู่ๆ ไอเดียก็ผุดโผล่ขึ้นมา ณ ช่วงเวลาใดช่วงเวลาหนึ่ง ในขณะที่นักออกแบบ สร้างสรรค์ตัวละครบางคนก็ยอมรับว่า ในการสร้างตัวละครนั้นพวกเขาต้องแสวงหาแรง บันดาลใจด้วยวิธีการต่างๆ นานารวมไปถึงการหาแรงบันดาลใจหนึ่งๆ เฉพาะชิ้นงานนั้นๆ คือหมายความว่าเมื่อจะสร้างงานสักชิ้นก็หาแรงบันดาลใจเฉพาะงานนั้นๆ ในทางตรงกันข้าม
แรงบันดาลใจทั่วไปมักเกิดจากประสบการณ์ที่สะสมมา ความชอบและความสนใจเฉพาะด้านสิ่งแวดล้อมรอบตัว ผู้คนใกล้ชิด คำพูดสนทนา การอ่านหนังสือที่เกี่ยวกับการออกแบบการใช้เวลาว่างในร้านหนังสือ แรงบันดาลใจมาจากทุกสิ่งทุกอย่าง
ในอีกมุมมองหนึ่งของการให้สัมภาษณ์ นักออกแบบแคแรคเตอร์คนหนึ่งกล่าวตั้งข้อสังเกตอีกว่า แรงบันดาลใจอาจไม่ใช่แรงบันดาลใจเพราะเมื่อใดก็ตามที่นักออกแบบแคแรคเตอร์ต้องทำงาน คิดแบบตาม ‚โจทย์‛ ของลูกค้าหรือ ‚บท‛ ของหนังสือการ์ตูน ก็ไม่น่าจะเรียกว่าเป็นแรงบันดาลใจ แต่ท้ายที่สุดงานนั้นก็ต้องสำเร็จ ซึ่งในมุมมองของนักออกแบบแคแรคเตอร์ก็อยากจะทำงานในแบบที่ตนเองถนัดและชอบ แต่บางครั้งเมื่อถูกโจทย์หรือบทเป็นตัวกำหนดกรอบความคิดก็ไม่จำเป็นต้องมีแรงบันดาลใจเสมอไปก็ได้ ในทางตรงกันข้ามก็มีผู้ให้สัมภาษณ์คนอื่นๆ มองว่าการได้รับโจทย์ที่แปลกใหม่ สด อยู่ในกระแสความเคลื่อนไหวเป็นไปในสังคม กลับเป็นเรื่องที่ท้าทายความคิดในการสร้างสรรค์งานใหม่ๆ ตัวละครแบบใหม่ๆ ที่อาจเป็นไปได้ในโลกของการ์ตูนแอนนิเมชั่น เพียงแต่นักออกแบบอาจต้องคิดนอกกรอบให้มากขึ้น เป็นความคิดที่ใหม่ สด เสมอ
ปัญหานาวิจัยข้อที่ 3 อุปสรรคของการสร้างลักษณะของตัวละครในงานแอนนิเมชั่นคืออะไร
ปัจจัยภายนอก

1. เวลา
นักออกแบบแคแรคเตอร์ส่วนใหญ่ให้ความเห็นตรงกันว่า เวลาในการสร้างสรรค์ผลงาน
เป็นเงื่อนไขสำคัญที่ทำให้พวกเขาอาจจะสร้างงานสร้างตัวละครได้ไม่ดีเท่าที่ควร เพราะงานที่ได้เป็นงานโจทย์จากความต้องการของลูกค้าที่เร่งและรีบ มีกำหนดรับงาน ส่งงาน ที่แน่นอนตายตัวซึ่งขัดกับธรรมชาติของการสร้างงานที่เรียกว่าเป็นงาน ศิลปะ งานสร้างสรรค์ ซึ่งต้องใช้อารมณ์ จินตนาการ ความคิดสร้างสรรค์ของผู้สร้างอย่างมาก เมื่อศิลปินต้องทำงานแข่งกับเวลาก็จะได้งานที่ไม่ตรงใจกับลูกค้าและตัวผู้สร้างเอง เป็นต้น
ปัจจัยภายใน
1. ธรรมชาตินิสัยความเป็นศิลปินของผู้สร้างงาน
หลายครั้งที่นักออกแบบแคแรคเตอร์หลายคนมีความรู้สึกว่า พวกเขาไม่มีอารมณ์ในการสร้างงาน ไม่มีความคิดใหม่ๆ ไม่มีไอเดียเพราะยังไม่ ‚ปิ๊ง‛ นั่นเป็นเพราะธรรมชาตินิสัยในความเป็นศิลปินของพวกที่ต้องการอารมณ์ ประสาทสัมผัส ความรู้สึกรับรู้ความอ่อนไหว ซึ่งอาจเขาส่งผลเป็นอุปสรรคในการเขียนแคแรคเตอร์ด้วยเหมือนกัน
2.นักออกแบบแคแรคเตอร์ขาดขวัญและกำลังใจในการสร้างงาน
นักออกแบบแคแรคเตอร์ส่วนใหญ่มักตกอยู่ในสถานภาพ ‚ลูกจ้าง‛ ของบริษัทผู้ผลิตแอนนิเมชั่นรายใหญ่ ส่วนใหญ่มักได้รับค่าตอบแทนเป็นเงินค่าจ้างรายเดือนน้อยเมื่อเทียบกับการคิดว่างานนี้เป็นงานศิลปะ เป็นงานที่ต้องใช้พลังความคิดสร้างสรรค์ งานศิลปะจึงควรสูงค่าและมีค่าตอบแทนที่คุ้มค่าด้วยเช่นกัน แต่ที่เป็นอยู่พวกเขาได้รับเงินค่าตอบแทนในสัดส่วนที่น้อยจนแทบไม่พอต่อการเลี้ยงชีพจุนเจือเลี้ยงดูตนเองและครอบครัว เข้าทำนองศิลปินไส้แห้ง พวกเขาเชื่อว่าถ้าเงินดีงานก็จะดีตามด้วยเพราะปากอิ่มท้องอิ่มก็มีพลังสร้างงานที่ดีมีคุณภาพได้ เช่นเดียวกับความคิดของคุณคมภิญญ์ เข็มกำเนิด ว่า ‚ภาพรวมของอุตสาหกรรมนี้ ขึ้นอยู่กับปากท้องของประชาชน ซึ่งธุรกิจนี้น่าจะอยู่ที่ภาวะทางสังคมค่อนข้างสูง อันตรายที่ได้รับ ในแง่ของคนทำงานแอนนิเมชั่น ก็ต้องการที่จะทำงานให้ดีขึ้นไปเรื่อยๆ แต่ก็หวังว่าจะมีน้ำเลี้ยงเพียงพอที่จะทำให้เราเติบใหญ่ขึ้นไปได้ ซึ่งคนไทยถือว่ามีจินตนาการที่ล้นเหลือ มีทักษะด้านฝีมือสูง ซึ่งความสามารถด้าน creative แต่ละคนมีความสามารถเฉพาะพิเศษที่แตกต่างกันไป‛

2. ทุน
ในขณะที่นักออกแบบแคแรคเตอร์กลุ่มหนึ่งมีความรู้สึกว่าเงินทุนคืออุปสรรค ปัญหาในการสร้างตัวละครอันเนื่องมาจากไม่มีเงินทุนส่วนตัวเพียงพอเพราะงานแอนนิเมชั่นเป็นงานที่ซับซ้อนละเอียดอ่อนและค่อนข้างยุ่งยาก ต้องใช้เงินมากยิ่งถ้าเป็นงานสร้างภาพยนตร์แอนนิมชั่นก็ยิ่งต้องใช้เงินทุนค่อนข้างมาก  นักออกแบบตัวละคร แอนนิเมชั่นอีกกลุ่มหนึ่งก็กำลังรู้สึกว่ารายได้หรือค่าตอบแทนที่พวกเขาได้รับจากการว่าจ้างให้ออกแบบตัวละครนั้นไม่คุ้มค่าคุ้มเวลากับ สิ่งที่พวกเขายืนยันว่าการสร้างสรรค์ตัวละครคืองานศิลปะที่ทรงคุณค่า เงินทุนในการผลิตแอนนิเมชั่นที่แม้จะสูงหรือใช้เงินทุนมหาศาลย่อมส่งผลต่อรายได้ที่พวกเขาควรจะได้รับด้วยเช่นกันในสัดส่วนที่สมควร ถ้าให้เทียบว่าคุ้มไหมสำหรับอาชีพแอนิเมชั่นของคนไทย ก็ขึ้นอยู่กับมุมมองคนคิดมากกว่าเพราะถ้าเทียบกับสิ่งที่ต้องลงแรง ลงทุน และใช้เวลาทำงานชิ้นหนึ่งๆ นานมาก บางเรื่องทำมากกว่า 5 ปี อาจไม่คุ้ม แต่สำหรับบางคนได้ความสุขกลับมาก็คือคุ้มแล้ว เงินไม่เกี่ยว เงินไม่ใช่ปัญหา แต่ก็ไม่เสมอทุกรายไป
นอกจากนี้ยังมีนักออกแบบแคแรคเตอร์ท่านหนึ่งกล่าวทัศนะที่น่าคิดเกี่ยวกับการมองปัญหาหรืออุปสรรคในการสร้างสรรค์ตัวละครนี้ว่า เงินทุนคือระบบทุนนิยมที่เข้ามามีอิทธิพลครบงำการสร้างสรรค์งานของนักออกแบบ เพราะมันมักจะสวนทางกันเสมอ คือ นักออกแบบมักออกแบบในความนึกคิดของตนเอง ขณะที่นายทุนหรือเจ้าของเงินทุนก็ไม่สนใจความรู้สึกและสไตล์การออกแบบ เขารู้เพียงอย่างเดียวว่างานนั้นต้องขายได้ ‚นายทุนไม่ใช่ศิลปิน และศิลปินก็ไม่ใช่นายทุน‛ จึงกลายเป็นปัญหาเรื้อรังที่หาทางแก้ไขไม่ได้ แต่ทั้งสองฝ่ายก็ยังต้องพึ่งพาอาศัยซึ่งกันและกัน เพราะนี่คือธุรกิจในเชิงพาณิชย์ศิลป์
เป็นที่น่าสังเกตและวิเคราะห์ว่าปัจจุบันแอนิเมชั่นไทยกำลังจะยิ่งใหญ่ในเวทีระดับโลกเพราะมีสตูดิโอรับจ้างผลิตผลงานแอนิเมชั่นแถวหน้าของเมืองไทยมากหน้าหลายตา ประกอบกับในช่วงหลายสิบปีที่ผ่านมานี้เมืองไทยมีนักแอนิเมชั่นที่มีความคิดสร้างสรรค์อยู่ไม่น้อยเลยทีเดียว มุมมองแอนิเมชั่นไทยในสายตาของชาวต่างชาติก็ไม่แพ้ใครในโลก โดยเฉพาะเรื่อง ‚ความคิดสร้างสรรค์‛ แม้เรื่องคุณภาพจะเป็นรองกับงานฝั่งซีปยุโรปแล้วก็ยังห่างไกลกันนักก็ตาม แต่อย่างน้อย จุดแข็งหนึ่งที่ยอมรับได้ทั้งจากวงการแอนิเมชั่นต่างชาติและในแวดวงคนแอนิเมชั่นคนไทยด้วยกันเองก็คือ ความครีเอทีฟของคนไทยเพราะแอนิเมชั่นความหมายคือการเล่าเรื่อง ซึ่งต้องใช้ความคิดสร้างสรรค์และความละเอียดอ่อนเป็นหลักและเป็นสิ่งที่คนไทยโดดเด่นกว่าที่อื่นๆ

ข้อจำกัด
1 ในการเก็บข้อมูลและการวิเคราะห์ตัวการ์ตูนที่มีจำนวนมาถึง 100 เรื่อง ทำให้ต้องใช้ระยะเวลานาน เนื่องจากการ์ตูน 1 เรื่องนั้นใช้เวลาในการรับชมถึง 1.30 ชม.- 2.30 ชม. ดังนั้นผู้เก็บข้อมูลต้องมีเวลาในการรับชมอย่างต่อเนื่องในครั้งเดียวสำหรับ 1 เรื่อง เพราะหากดูไม่จบเรื่องแล้วกลับมาดูอีกครั้งจะทำให้การวิเคราะห์ข้อมูลไม่ต่อเนื่องและต้องเสียเวลากลับมานั่งดูอีกครั้ง
2 การเก็บข้อมูลด้วยการสัมภาษณ์ มีข้อจำกัดในเรื่องของเวลาเช่นเดียวกัน ในการเข้าสัมภาษณ์แต่ละครั้ง ผู้ให้สัมภาษณ์นั้นมีเวลาจำกัด ดังนั้นในเวลาที่กระชั้นชิดทำให้ผู้สัมภาษณืไม่สามารถเก็บประเด็นในการสัมภาษณ์ได้ทั้งหมด ทำให้ต้องเสียเวลาไปอีกครั้ง หรือเก็บข้อมูลที่เหลือด้วยสื่ออิเล็กโทรนิกส์อื่นๆ
ข้อเสนอแนะ
1 การสร้างงานแอนนิเมชั่นจะสังเกตได้ว่าตัวละครจะเป็นลักษณะเดิมๆ โดยส่วนมากเป็นคน และสัตว์ หากการสร้างสรรค์มีมากกว่าสองประเภทนี้ หรือประเภทที่ทำกันมาแต่เดิม อาจทำให้งานแอนนิเมชั่นมีความหลากหลายและมีความน่าสนใจยิ่งขึ้น
2 มีข้อสังเกตในเรื่องของตัวละครว่า ส่วนมากเป็นลักษณะ Type Character ซึ่งทำให้ผู้ชมสามารถเดาได้ในเนื้อเรื่อง และการมีปฏิสัมพันธ์กับตัวละครตัวอื่นๆ ดังนั้นหากตัวละครบางตัวมีลักษณะที่เป็น Well Round Characterบ้าง อาจทำให้ผู้ชมรู้สึกตื่นเต้น ละอยากติดตาม รวมทั้งอยากค้นหาต่อไป
3 บุคลากรที่ทำงานทางด้านแอนนิเมชั่นในประเทศไทยนั้นมีมาก ผู้ที่สร้างชื่อเสียงในงานแอนิเมชั่นก็มีมากเช่นกัน แต่เนื่องด้วยปัจจัยทางด้านทุน ทำให้เป็นอุปสรรคในการสร้างงาน ดังนั้นภาครัฐและเอกชน รวมถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้องควรสนับสนุนอย่างจริงจังโดยเฉพาะเรื่องของเงินทุน เมื่อเรามีบุคลากรที่มีศักยภาพแต่ไม่มีเงินลงทุนที่จะสร้างสรรค์ผลงาน ก็ทำให้บุคลากรเหล่านั้นไปทำงานให้ต่างประเทศ และการ์ตูนแอนนิเมชั่นก็จะได้เครดิตในการสร้างไปในที่สุด

การออกแบบคาเรกเตอร์ตัวละคร

การออกแบบคาเรกเตอร์ตัวละคร




การออกแบบคาเรกเตอร์ตัวละคร

ตัวละคร สามารถแบ่งออกได้ทั้งหมด 3 ประเภทเหมือนกับงานละครทั่วไป คือ มีตัวเอก ตัวรอง และตัวร้ายประเภทของตัวละครนิทานส่วนใหญ่นั้นผู้สร้างตัวละครได้สร้างตัวละครเป็น คน และสัตว์
ขั้นตอนในการสร้างลักษณะของตัวละคร ( Character ) การออกแบบตัวละครมีดังต่อไปนี้
ชั้นที่ 1 : การวางโครงเรื่อง ( Story )
การออกแบบคาแร็คเตอร์ โดยการวิเคราะห์คาแร็คเตอร์จาก บท หรือจาก Concept ขึ้นโครงรูปด้วยการวาดลายเส้นแบบ ฟรีแฮนด์ โดยการหาแหล่งข้อมูลอ้างอิงที่จะใช้เป็นฐานข้อมูลอ้างอิงในการคิดออกแบบตัวละครเพื่อให้ตัวละครมีความสมบูรณ์มากที่สุด ใส่ท่าทางให้กับตัวละคร หลังจากนั้นคือการพัฒนาจากตัวการ์ตูนที่อยู่ในหน้ากระดาษให้อยู่ในคอมพิวเตอร์ด้วยการดราฟลายเส้นที่สำคัญต้องคำนึงว่าตัวละครที่ทำขึ้นมันสูญเสียเอกลักษณ์และเสน่ห์จากต้นเค้าเดิมหรือไม่หรือจากแหล่งที่มาหรือไม่
สคริปต์ ( Script ) เป็นขั้นตอนในการจับใจความสำคัญของเนื้อเรื่องให้ออกมาในแต่หน้า ขั้นตอนนี้เป็นการออกแบบและกำหนดลักษณะนิสัย บุคลิกบทบาทต่างๆและท่าทางการเคลื่อนไหว ให้กับตัวละคร ให้มีชีวิตเหมือนจริง มีการเคลื่อนไหวได้จริงถูกต้องตามธรรมชาติของคน สัตว์ สิ่งของ ต่างๆ โดยอาศัยองค์ประกอบพื้นฐานของการออกแบบได้แก่ ขนาด ( Size ) รูปทรง ( Shape ) และสัดส่วน ( Proportion )
ชั้นที่ 2 : บอร์ดภาพนิ่ง เป็นการใช้ภาพในการเล่าเรื่องให้ได้ครบถ้วน ทั้งเหตุการณ์ ที่เกิดขึ้นอารมณ์ในเหตุการณ์นั้นๆสีหน้า ท่าทาง ลักษณะต่างๆ ของตัวละครบอกถึงสถานที่ และมุมมองของภาพ ซึ่งภาพวาดทั้งหมด จะเรียงต่อเนื่องเป็นเหตุผลเดียวกัน เมื่อดูแล้วสามารถเข้าใจเรื่องราวที่เกิดขึ้นได้อย่างชัดเจน การเขียนสตรี่บอร์ด คือการเขียนตัวหนังสือให้ออกมาเป็นภาพบนแผ่นกระดาษ เพื่อให้รู้ว่าตัวการ์ตูนอยู่ในฉากไหน กำลังจะเดินจากไหนไปไหน และจะหยุดคุยกับใคร ว่าอะไร ภาพบนสตอรี่บอร์ดจะเป็นเป็นภาพที่แทนลักษณะตามมุมกล้อง นอกจากความสวยงามแปลกตาของตัวละครแล้ว การเคลื่อนไหวก็เป็นจุดสำคัญอย่างมากที่จะดึงดูดความสนใจของผู้เล่นหรือผู้ชมได้ดี
Step 1 เริ่มเตรียมความพร้อมสำหรับ Project การทำงาน Cartoon Animation คือการตั้งเป้าหมาย กำหนดรูปแบบ และ Concept ในการทำงาน การวาง Concept งาน และการกำหนดรูปแบบงาน ต้องมีความเข้าใจพื้นฐานเกี่ยวกับการ ออกแบบ Character รวมไปถึงการ Design งานและการทำ Story- board

Step 2 การสร้าง
Step 3 ความรู้เบื้องต้อนในการสร้าง

กระบวนการการออกแบบตัวละคร
นักเขียนการ์ตูน ไม่ว่าจะเป็นแบบสองมิติ จะสร้างสรรค์หรือออกแบบตัวละครการ์ตูนเพื่อใช้ประโยชน์ต่างๆ กัน กำหนดเรื่องราวของภาพการ์ตูนที่จะเขียน ร่างภาพลงบนกระดาษแข็งหรือกระดาษเพื่อเขียนภาพจากความทรงจำ จากจินตนาการหรือจากแบบโดยใช้เครื่องมือ เช่น ปากกา พู่กัน เป็นต้น วาดตัวละครการ์ตูนด้วยดินสอในขั้นตอนนี้เรียกว่า Freehand คือการวาดลายเส้นด้วยมือ สเก็ตภาพตัวการ์ตูนด้วย แล้วลงสีจากโปรแกรมการวาดภาพด้วยคอมพิวเตอร์
การจะเริ่มต้นออกแบบคาแร็คเตอร์หรือตัวละครการ์ตูนได้นั้นเริ่มจากการตีโจทย์จากบท สร้างสรรค์คาแร็คเตอร์ของตัวละครนั้นๆ การตีโจทย์หรือนำบทมาศึกษาวิเคราะห์ค้นหาบุคลิกลักษณะของตัวละครส่วนมากมักต้องดูทั้งบุคลิกลักษณะภายนอกและบุคลิกลักษณะนิสัยใจควบคู่กัน คือรูปร่างหน้าตาภายนอกและจิตใจภายในแต่เมื่อเป็นตัวละครแล้วต้องเป็นตัวละครที่มีชีวิต ไม่ว่าจะเป็นคนหรือสัตว์

สรุปขั้นตอนได้ดังนี้

ขั้นที่ 1 : การวางโครงเรื่อง ( Story )
การออกแบบคาแร็คเตอร์ โดยการวิเคราะห์หาคาแร็คเตอร์จากบท หรือจาก Concept โดยการหาแหล่งข้อมูลอ้างอิงที่จะใช้เป็นฐานข้อมูลอ้างอิงในการคิดออกแบบตัวละครเพื่อให้ตัวละครมีความสมบูรณ์มากที่สุดใส่ท่าทางและแอ็คชั่นให้กับตัวละคร หลังจากนั้นคือการพัฒนาจากตัวการ์ตูนที่อยู่ในหน้ากระดาษให้อยู่ในโปรแกรมคอมพิวเตอร์ ที่สำคัญต้องคำนึงว่าตัวละครที่ทำขึ้นมันสูญเสียเอกลักษณ์และเสน่ห์จากต้นเค้าเดิมหรือไม่หรือจากแหล่งที่มาหรือไม่
คาแร็คเตอร์ดีไซเนอร์ส่วนใหญ่เห็นตรงกันว่าการสร้างตัวละครในลำดับต้นๆ สิ่งแรกที่ต้องทำคือดูประเภทของงานก่อนว่างานนี้เป็นงานอะไรหรือการอ่านโจทย์ตัวหนังสือที่ได้มาว่าโครงเรื่องเป็นอย่างไร คือการกำหนด Theme และกำหนด Point ของงานว่าต้องการโครงเรื่องอย่างไร โครงเรื่องจะประกอบไปด้วยการเล่าเรื่องที่บอกถึงเนื้อหาเรื่องราวทุกอย่างทั้งตัวละคร ลำดับเหตุการณ์ ฉาก แนวคิด และที่สำคัญควรพิจารณาว่าการเล่าเรื่องควรจะมีการหักมุมมากน้อยเพียงไร สามารถสร้างความบันเทิงได้หรือไม่และความน่าสนใจนี้สามารถทำให้ผู้ชมรู้สึกประทับใจ หลังจากนั้นจะเป็นการโฟกัสที่ตัวละครตัวเอก ตัวละครรอง และตัวละครอื่นๆ ลดหลั่นกันตามความสำคัญและความเกี่ยวข้องกัน ในขั้นตอนของการสร้างหรือดีไซน์ตัวละครแต่ละตัวตัวก็ต้องดูว่าเป็นคนหรือสัตว์ แม้กระทั่งสิ่งของเครื่องใช้ที่มาคู่กับตัวละครนั้นๆ ทุกอย่างต้องดีไซน์ออกแบบให้ด้วย ในขั้นตอนนี้จะมีการศึกษาค้นคว้าหาข้อมูลแวดล้อมเกี่ยวกับตัว ละครนั้นๆ อย่างลึกซึ้งละเอียดจากแหล่งอ้างอิงต่างๆ ผสมผสานกับจินตนาการ ทั้งจากการศึกษาบทสนทนาของตัวละครเพื่อนำมาตีวิเคราะห์ ยกตัวอย่างดีไซน์พระเอกที่เป็นเป็ด ต้องหา Reference ก่อนว่าเป็ดนี่หน้าตารูปร่างเป็นอย่างไร ตั้งแต่เป็ดที่มันเป็นเป็ดจริงๆ เป็ดที่เป็นการ์ตูนไปแล้ว อะไรเกี่ยวกับเป็ดทั้งหมด ต้องไปหา Reference มาให้ได้มากที่สุดอาจต้องไปดูชีวิตเป็ดจริงๆ Reference มีภาพนิ่ง ภาพจริง เป็นคลิปวีดีโอ ภาพเคลื่อนไหวการเดินของเป็ด การขยับปากหรือว่าแม้แต่เสียง คือเอกสารอ้างอิง แหล่งอ้างอิงทุกอย่างในกระบวนการสร้างหรือดีไซน์ตัวละคร ขั้นตอนการดีไซน์คาแร็คเตอร์
แรงบันดาลใจในการสร้างตัวละคร
ไอเดีย ( Idea ) หรือบางคนอาจใช้คำว่า แรงบันดาลใจ ( Inspiration ) ซึ่งจะเป็นสิ่งแรกที่ สร้างสรรค์จากจินตนาการและความคิดของตนเองว่าผู้ชมควรเป็นใคร อะไรที่ตนเองต้องการให้ผู้ชมทราบภายหลังจากที่ชมไปแล้วควรให้เรื่องที่สร้างออกมาเป็นสไตล์ไหน ซึ่งอาจจะมาจากประสบการณ์ที่ได้อ่านได้พบเห็น และสิ่งต่างๆ รอบตัว เป็นต้น
อย่างไรก็ตาม นักออกแบบตัวละครมักกล่าวเป็นเสียงเดียวกันว่า แรงบันดาลใจในการสร้างตัวละครสำหรับพวกเขาแล้วมันมาจากทุกที่ ทุกเวลา ทุกสิ่งแวดล้อม ทุกสิ่งทุกอย่างที่อยู่รอบตัวของพวกเขาในขณะที่เป็นโอกาสน้อยที่แรงบันดาลใจจะเกิดจากการคิดขึ้นได้เองหรือ จู่ๆไอเดียก็ผุดโผล่ขึ้นมา ณ ช่วยเวลาใดเวลาหนึ่ง ในขณะที่นักออกแบบ สร้างตัวละครบางคนก็ยอมรับว่าในการสร้างตัวละครนั้นพวกเขาต้องแสวงหาแรงบันดาลใจด้วยวิธีการต่างๆนานารวมไปถึงการหาแรงบันดาลใจหนึ่งเฉพาะชิ้นงานนั้นๆคือหมายความว่าเมื่อจะสร้างงานสักชิ้นก็หาแรงบันดาลใจเฉพาะงานนั้นๆในทางตรงกันข้ามแรงบันดาลใจทั่วไปมักเกิดจากประสบการณ์ที่สะสมมา ความชอบและความสนใจเฉพาะด้านสิ่งแวดล้อมรอบตัวผู้คนใกล้ชิด คำพูดสนทนา การอ่านหนังสือที่เกี่ยวกับการออกแบบการใช้เวลาว่างในร้านหนังสือ แรงบันดาลใจมาจากทุกสิ่งทุกอย่าง